เมื่อวันที่ 14 เม.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม นายสมภพ (สงวนนามสกุล) หรืออาร์ม อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร , พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย เพื่อการอนาจาร” โดยจับกุมได้ในพื้นที่ จ.เพชรบุรี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2566 เด็กหญิงบี (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี เป็นผู้เสียหาย ได้เดินทางมาพักอยู่กับญาติและเล่นน้ำสงกรานต์ที่ย่านหนองแขม โดยผู้เสียหายรู้จักกับ นายอาร์ม เนื่องจากเป็นเพื่อนของพ่อ และนับถือเหมือนลุง โดยในวันนั้นช่วงหัวค่ำ นายอาร์มได้ทักเฟซบุ๊กชวนไปเล่นน้ำสงกรานต์ เมื่อเด็กหญิงออกไปตามคำชวน นายอาร์มก็ออกอุบาย พาผู้เสียหายกลับไปที่บ้านพักย่านบางบอน และอ้างว่าขอดื่มเบียร์ก่อนแล้วจะพาไปเล่นน้ำ จากนั้นผู้เสียหายก็ถูกมอมเหล้าจนเมาไม่ได้สติ นายอาร์มจึงอุ้มเด็กหญิงบี ขึ้นไปบนชั้นสองของตัวบ้าน และลงมือข่มขืนจนผู้เสียหายสลบไป
ต่อมาเมื่อเด็กหญิงบีรู้สึกตัวก็รีบวิ่งไปหลบในห้องน้ำ พร้อมโทรศัพท์หาแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ ก่อนที่แม่ของน้องบีจะรีบมาตามตัวลูกสาว เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป พบนายอาร์ม กำลังเอาอวัยวะเพศกระแทกประตูห้องน้ำ พร้อมครางเรียกชื่อเด็กหญิงอย่างโรคจิต ก่อนที่จะผลักผู้ก่อเหตุออกไป และเปิดประตูพบลูกสาวนั่งขดตัวร้องไห้อยู่ที่ชักโครก ส่วนผู้ก่อเหตุฉวยโอกาสวิ่งหนีออกจากห้องไป ก่อนที่ทั้งแม่และเด็กหญิงบีจะเข้าแจ้งความที่ สน.บางขุนเทียน
ต่อมาชุดสืบสวนนครบาล ได้เร่งล่าตัว นายอาร์ม กลับมารับโทษโดยเร็ว โดยจากการสืบประวัติพบว่า ผู้ก่อเหตุเคยต้องโทษ จำนวน 3 คดี เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมด เป็นอดีตนักค้ายารายใหญ่ ช่ำชองการหลบหนีการจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ทราบว่า ได้หนีไปกบดานอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งใน จ.เพชรบุรี จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด
เบื้องต้นนายอาร์มให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และให้การยอมรับว่าเมื่อวันที่เกิดเหตุ ได้ไปรับผู้เสียหายมาเพื่อจะพาไปเล่นน้ำสงกรานต์จริง แต่เนื่องจากก่อนหน้านั้นตน ได้ดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าบ้านพักกับญาติ จึงได้พาน้องไปที่บ้านเพื่อจะดื่มเหล้าต่อ และได้พากันดื่มกินกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อเห็นว่าผู้เสียหายดื่มจนเมาไม่ได้สติแล้ว จึงบอกให้ขึ้นไปนอนก่อนที่ห้องพักของตน เมื่อผู้เสียหายได้ขึ้นไปนอนด้านบนห้องชั้น 2 แล้ว ยอมรับว่าตนก็ได้ เข้าไปนอนในห้องเดียวกัน และนอนด้วยกันจริง แต่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เนื่องจากตนดื่มสุรา และเสพยาเค จนเมาไม่ได้สติ และที่มากบดานอยู่ใน จ.เพชรบุรี นี้เพราะรู้ตัวว่ามีหมายจับจึงหนีมากบดานที่นี่ โดยใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆไม่ออกไปไหน รับประทานอาหารจาก 7-11 อยู่แต่ในบ้าน
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะส่งตัวผู้ก่อเหตุไปดำเนินคดีที่ สน.บางขุนเทียน ต่อไป
