วันที่ 30 เม.ย. พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยว่า ในวันนี้จะมีการสอบปากคำ 3 เยาวชน ที่ก่อเหตุไล่ฟันคู่อริ จนทำให้รถเสียหลักชนเสาไฟ เสียชีวิต 2 ราย โดยประเด็นหลัก คือเรื่องของมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุของเยาวชนทั้ง 3 คน ไปจนถึงพฤติการณ์การก่อเหตุว่าพบเจอกันที่ไหน เคยมีประเด็นหมาดหมางกันอย่างไร รวมถึงลักษณะการก่อเหตุที่มีรายงานข่าวอ้างว่า ผู้ก่อเหตุได้ถีบรถมอเตอร์ไซค์ล้ม ซึ่งจะต้องสอบประเด็นนี้ให้ชัด เพื่อนำมาสู่การตั้งข้อหาพยายามฆ่าหรือเจตนาฆ่า เพราะตอนนี้ผู้ต้องหาเยาวชนทั้ง 3 รายถูกตั้งข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะ
เบื้องต้นจะส่งสำนวนให้ทางพนักงานอัยการตรวจสอบ หากพนักงานอัยการมีความเห็นว่าควรเพิ่มข้อหา ก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาดังกล่าวเพิ่มเติมต่อไป โดยทางพนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านการประกันตัว โดยให้เหตุผลว่าเป็นคดีอุฉกรรจ์ อย่างไรก็ตามขึ้นกับดุลยพินิจของศาลเยาวชนและครอบครัวกลางว่าจะพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่
ต่อมาเวลา 08.17 น.กลุ่มเยาวชนผู้ต้องหา พร้อมญาติ ได้เดินทางมายังห้องสืบสวน สน.บางเขน โดยได้พยายามวิ่งหลบเลี่ยงสื่อมวลชนที่รอทำข่าว
ต่อมาเวลา 08.48 น. พนักงานสอบสวน สน.บางเขน ควบคุมตัว เยาวชน 3 ราย ออกจากห้องสืบสวนไปยังห้องพนักงานสอบสวน เพื่อรอการสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ ขณะนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปรากฏว่ามี 1 ในเยาวชนยกมือพูดขอโทษ อ้างว่าที่ทำไปเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ อย่างไรก็ตาม ตนขอโทษเพียงแค่ฝั่งผู้หญิงเท่านั้น ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามย้ำว่า แล้วผู้ตายฝั่งผู้ชายจะขอโทษหรือไม่ แต่ไม่ตอบคำถามนี้
และเวลาประมาณ 10.10 น. พนักงานสอบสวนจึงคุมตัว 3 ผู้ต้องหาฝากขังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยระหว่างการคุมตัวทั้ง 3 ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ขณะที่พ่อของเด็กชายวัย 15 ปี ที่เสียชีวิตได้เดินทางมายัง สน.บางเขน เพื่อเจอหน้าทั้ง 3 ผู้ต้องหา โดยระบุว่า วันนี้อยากจะมาถามทั้ง 3 คน ว่าทำไปทำไม จะชดใช้ยังไง เพราะตนมีลูกคนเดียว และเสียใจมาก ซึ่งตอนนี้ลูกตนเสียชีวิตไปแล้วไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว ฝ่ายผู้ต้องหาจะพูดอะไรก็ได้ ในส่วนของเรื่องคดีให้เป็นไปตามหลักของกฎหมาย และยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพื่อให้เป็นแบบอย่างกับคนรุ่นหลังว่าไม่ควรมีเหตุแบบนี้
