เจาะประเด็น “อันเช่” พา“ราชัน”โกงตาย! แซงเชือด “เสือใต้” ฉิวเฉียดช่วงทดเจ็บ ทุบสถิติเข้าชิงแชมป์ถ้วย “บิ๊กเอียร์”ได้สำเร็จอีกสมัย

(9 พฤษภาคม 2567) ฟุตบอล”ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก” รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 คู่ 5 ดาวเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แชมป์“ลาลีก้า สเปน” และอดีตแชมป์ยุโรป 14 สมัย เปิดรัง ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว รับมือ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก จากบุนเดสลีก้า เยอรมัน หลังนัดแรกเสมอกันมา 2-2
ครึ่งแรกเหมือนเกร็งๆยังเสมอกัน 0-0 แต่ครึ่งหลัง นาที 68 “เสือใต้”ของ โธมัส ทูเคิ่ล ได้ประตูนำ 1-0 จากจังหวะ แฮร์รี เคน จ่ายบอลให้ อัลฟอนโซ เดวีส์ ตัดเข้าไปยิง
จุดเปลี่ยนมาเกิดขึ้นช่วงท้ายเกม นาที 88 วินิซิอุส จูเนียร์ ยิงติดเซฟผู้รักษาประตู มานูเอล นอยเออร์ บอลกระฉอกเข้าทาง โฆเซลู ซ้ำดาบสองให้ เจ้าบ้าน ตีเสมอ 1-1
“โมเมนตัม”เปลี่ยนมาทางฝั่ง มาดริด ที่โหมบุก และช่วงทดเจ็บนาที 90+1 อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ผ่านบอลให้ โฆเซลู คนเดิม ซัดตุงตาข่าย “ราชันชุดขาว” พลิกนรกแซงนำ 2-1
เท่านั้นไม่พอ เกิดจังหวะ“แอนตี้-ไคลแม็กซ์” ซ้ำให้กลายเป็นประเด็นต้องถกเถียงในช่วงทดเจ็บนาที 90+13 จากจังหวะ “เสือใต้” เปิดบอลเข้าเขตโทษ “มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์” ซัดตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินปฏิเสธไม่ให้เป็นประตู อ้างไลน์แมนยกธงล้ำหน้า ทำเอาทั้งนักเตะและสต๊าฟบาเยิร์น ออกมาประท้วงให้เช็ค “วีเออาร์.”(VAR) แต่กลับไม่มีคำสั่งอะไร พิษสงกรรมการออกฤทธิ์อีกแล้ว “เสือใต้” เสียประโยชน์เต็มๆ เพราะถ้าดูจากภาพรีเพลย์จะเห็นชัดว่า ยังไงก็ไม่ล้ำ !
ที่เลวร้ายกว่านั้น ผู้ตัดสินริมเส้นหรือ “ไลน์แมน” ออกมายอมรับถึงความผิดพลาดว่าจังหวะดังกล่าวไม่ได้ล้ำหน้า แต่ก็เปลี่ยนผลอะไรไม่ได้ สุดท้ายเป็น “ราชัน”โกงความตายแซงชนะ “เสือใต้” ไปสุดเจ็บแสบ 2-1 ผล 2 นัด ชนะ 4-3
ผ่านเข้าไปชิงแชมป์กับ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อีกหนึ่งทีมใหญ่เยอรมัน ที่เข้าชิงเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี หลังบุกชนะ “เปแอสเช.”ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ของฝรั่งเศส 1-0 รวม 2 นัด ดอร์ทมุนด์ ชนะ 2-0
ชัยชนะของ มาดริด ทำให้ “คาร์โล อันเชล็อตติ” สร้างประวัติศาสตร์ใหม่เป็นโค้ชที่คุมทีมแข่งในถ้วยยุโรป “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก”มากสุด 203 นัด แซงหน้า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไปเรียบร้อย
โดยทำเนียบ 5 กุนซือที่คุมทีมลงแข่งมากสุดบนเวทียุโรป (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก/ยูโรเปี้ยน คัพ)
1.คาร์โล อันเชล็อตติ / เอซี.มิลาน, เรอัล มาดริด (203 นัด)
2.เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (202 นัด)
3.อาร์แซน เวนเกอร์ / อาร์เซนอล (109 นัด)
4.เป๊ป กวาร์ดิโอล่า / บาเยิร์นฯ, บาร์เซโลน่า และ แมนฯซิตี้ (171 นัด)
5.โชเซ่ มูรินโญ่ / มาดริด, เชลซี, แมนฯยูไนเต็ด (151 นัด)
“อันเช่”ยังเป็นโค้ชที่นำต้นสังกัดผ่านเข้าชิงชนะเลิศถ้วย “บิ๊กเอียร์” ได้มากสุดถึง 6 ครั้ง กับ เอซี.มิลาน (ปี 2003, 2005, 2007) และ เรอัล มาดริด (ปี 2014, 2022, 2024)
ส่วนสถิติยอดเยี่ยมของนักเตะอย่าง “จู๊ด เบลลิงแฮม” ต้องยอมรับว่านี่คือปีทองของดาวยิงทีมชาติอังกฤษวัย 20 กับผลงานแชมป์ “ลาลีก้า สเปน” ด้วยสถิติซัลโว 18 ประตูในเกมลีก้า ยิงรวมทุกรายการ 22 ประตู และยังมีลุ้นแชมป์สโมสรยุโรปในฤดูกาลเดียวกัน การเข้าชิงกับอดีตต้นสังกัดอย่าง “เสือเหลือง” เบลลิงแฮมก็หวังจะทุบสถิติสมัยที่ตนเคยทำไว้ 24 ประตู ในทุกรายการ 132 นัด บวกกับแชมป์“เดเอฟเบ. โพคาล” ฤดูกาล 2020/2021 ให้ได้อีกด้วย
นับเป็นผลงานที่สวนทางกับ “แฮร์รี่ เคน” รุ่นพี่ทีมชาติอังกฤษ ที่ยังไม่ตื่นจากฝันร้าย สมัยเล่นให้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ที่ไร้แชมป์ อุตส่าห์ย้ายหนีมา บาเยิร์นฯ ก็ยังต้องอกหักซ้ำรอยเดิมต่อไป

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Home
Menu
Live